เลือกค้นหาคอนโด
ขาย / ให้เช่า

มากกว่า 2,000 โครงการ
กว่า 150,000 ห้อง ทั่วกรุงเทพฯ

 
scancondo รูปภาพ เจ้าของโครงการ 1
scancondo รูปภาพ เจ้าของโครงการ 2
scancondo รูปภาพ เจ้าของโครงการ 3
scancondo รูปภาพ เจ้าของโครงการ 4
scancondo รูปภาพ เจ้าของโครงการ 5
scancondo รูปภาพ เจ้าของโครงการ 6

บริการของเรา

ครอบคลุมทั้งผู้เช่า-ผู้ซื้อ , เจ้าของห้อง
และ ทีมงานที่ปรึกษาคอนโดมืออาชีพ

สำหรับผู้เช่า และผู้ซื้อ
ตัวเลือกที่เยอะที่สุด

เรามีคอนโดมากที่สุด มากกว่า 150,000 ห้อง ทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล ให้ท่านเลือก

เปิดห้องได้ทันที โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

ไม่มีค่าใช้จ่ายในการดูห้องสำหรับผู้เช่า และ ผู้ซื้อ

ทีมงานมืออาชีพคอยให้บริการ

ทีมงานมืออาชีพที่คอยให้คำแนะนำ บริการ เพื่อให้ได้บริการที่ดีที่สุด

ดูง่าย ไม่มีคอนโดซ้ำ มารบกวนใจ

เรารวบรวมห้องไม่ให้ซ้ำ เพื่อง่ายต่อการตัดสินใจของท่าน

สนใจติดต่อ สอบถามรายละเอียด
กรุณาติดต่อเราผ่านทาง Line ID
@scancondo
สำหรับเจ้าของห้อง
ฝากเช่า - ฝากขาย ฟรี

ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เมื่อฝากห้องกับเรา

ทำการตลาดให้ ฟรี

เพื่อให้ห้องของท่านได้ผู้เช่า-ผู้ซื้อ ได้ไวที่สุด ด้วยการตลาดทั้งเว็บไซต์ชั้นนำ, ตัวแทนขาย และ Social Network มากกว่า 1,000 แห่ง

มั่นใจได้ ได้รับความเชื่อถือ

ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงใดๆ หรือค่าธรรมเนียมล่วงหน้าใดๆทั้งสิ้น ค่าคอมมิชชั่นตามมาตราฐานหรือตามที่ตกลง

โอกาสหาผู้เช่า - ผู้ซื้อ ได้เร็วที่สุด

ด้วยเครือข่ายการตลาด และ ทีมตัวแทนขายจำนวนมากที่ร่วมกับเรา ทำให้โอกาสจบงานได้เร็วที่สุด

ฝากห้องเช่า-ขาย ฟรี!!
ฝากห้องเข้าระบบ คลิก
click here
ร่วมงานกับ Scancondo
ค่าคอมมิชชั่นสูง

รายได้จากค่าคอมมิชชั่นในการทำงานสูงถึง 50%

ฐานข้อมูลคอนโดที่มากที่สุด

และ ลูกค้าหาคอนโดจากเราสูงสุด เรามั่นใจว่าคุณจะพบสิ่งที่คุณต้องการ

การทำงานที่ง่ายด้วยระบบและฐานข้อมูลที่ล้ำสมัย ช่วยให้คุณสามารถ ให้บริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าของคุณ

ความพร้อมในทุกด้านที่ทางเราพร้อมสนับสนุนคุณ

ทั้งระบบเทคโนโลยี, ทีมงาน, การเทรนนิ่ง และการตลาด ทำให้คุณโฟกัสกับการบริการลูกค้าได้ดีที่สุด

คลิก สมัครเลย หรือ
ส่งประวัติของคุณมาที่ Line
@scancondojob

ติดต่อเรา

หากท่านสนใจ หรือ มีข้อสอบถาม เชิญติดต่อมาที่ช่องทางติดต่อด้านล่างได้เลยค่ะ ทางเรามีทีมงานมืออาชีพ
ตอบข้อสงสัยและ ช่วยเหลือท่าน ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

ไลน์ ไอดี : @Scancondo   FB : Scancondo
บทความ สาระน่ารู้ (Articles)

เมเจอร์ฯฉีกแนวเปิดรับสัตว์เลี้ยงExoticรายแรก

เมเจอร์ฯฉีกแนวเปิดรับสัตว์เลี้ยง Exotic รายแรกย้ำแนวคิดการเลี้ยงสัตว์ไม่ใช่ ‘เทรนด์’ แต่คือ ‘ความตั้งใจ’รั้งตำแหน่งเบอร์หนึ่งคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้อนุญาตให้เลี้ยง “สัตว์เลี้ยงทางเลือก”เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทรนด์การเลี้ยงสัตว์ในช่วง 2-3 ปี มีการเปลี่ยนแปลงและเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก โดยจากข้อมูลของ TGM Research พบว่าคนทั่วโลกกว่า 58% นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัว โดยเลี้ยงเพียง 1 ตัว คิดเป็น 46% แต่ที่น่าแปลกใจ คือ ประเทศไทยมีอัตราเลี้ยงสัตว์เลี้ยงสูงกว่าค่าเฉลี่ยเทียบเป็น 73% และนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพียง 1 ตัวต่อครอบครัว เฉลี่ย 45% แต่กลับพบกว่าคนไทยนิยมเลี้ยงสัตว์ 2 ตัวต่อครอบครัวสูงถึง 23% และ 4 ตัวขึ้นไปถึง 24% เห็นได้ชัดว่าประเทศไทยมีสัดส่วนคนเลี้ยงสัตว์ที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับทั่วโลกทั้งในค่านิยมและปริมาณต่อครอบครัว ที่ผ่านมาเราได้ประกาศความตั้งใจที่มุ่งมั่นเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง โดยสร้างมาตรฐานใหม่ MAJOR Pet Family Residences เป็นแบรนด์แรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ได้รับการตอบรับจากลูกบ้าน ทั้งในส่วนของกลุ่มลูกบ้านเลี้ยงสัตว์ และลูกบ้านที่ไม่ได้เลี้ยง ซึ่งพบว่าสัดส่วนของลูกบ้านที่เลี้ยงสัตว์นั้น มีจำนวนที่มากขึ้นกว่าเมื่อปี 2022 เป็น 45% และในจำนวนดังกล่าวเป็นสัตว์เลี้ยงทางเลือก ที่ปรากฏเข้ามา ทางเมเจอร์ฯ จึงได้เล็งเห็นถึงความนิยมที่ขยายตัวของลูกบ้าน สอดคล้องกับเทรนด์การเลือกเลี้ยงสัตว์เลี้ยงทางเลือกของคนไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราจึงพร้อมที่จะขยายขอบเขตครอบครัวเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ สู่ “MAJOR Pet Family Residences : Exotic Pet” โดยนับว่าเราเป็น แบรนด์แรกและครั้งแรกของไทยที่อนุญาตให้เลี้ยง “สัตว์เลี้ยงทางเลือก” ได้อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งขยายขอบเขตการดำเนินการทั้งในส่วนการก่อสร้างโครงการ กิจกรรมลูกบ้าน รวมทั้งการบริการและการดูแลแบบครบวงจร เริ่มต้นในด้านการก่อสร้าง และการดีไซน์ฟังก์ชั่นของห้องชุดและพื้นที่ส่วนกลาง ตัวอย่างโครงการ เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว ที่ออกแบบโดยเน้นเรื่อง Craft & Quality ควบคู่กับฟังก์ชั่น Pet-Friendly ภายใต้การคำนึงถึงคุณภาพชีวิตและสุขลักษณะที่ดีของสัตว์เลี้ยงเป็นสำคัญ โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Multi-Pet Playroom พื้นที่พิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยงทางเลือกที่แยกส่วนอย่างชัดเจน โดยได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ มาร่วมเป็นที่ปรึกษาให้ความรู้ เพื่อให้แบรนด์เข้าใจธรรมชาติของสัตว์เลี้ยงกลุ่มนี้มากขึ้น โดยเราได้เตรียมดีไซน์ฟังก์ชั่น เพื่อรองรับพฤติกรรมต่างๆ ของสัตว์เลี้ยงทางเลือกได้อย่างเหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะนำความสำเร็จของ Multi-Pet Playroom ขยายสู่โครงการอื่นๆ ภายใต้การพัฒนาของแบรนด์ในอนาคตมากยิ่งขึ้น

อ่านต่อ คลิก
เมเจอร์ฯฉีกแนวเปิดรับสัตว์เลี้ยงExoticรายแรก

เมเจอร์ฯฉีกแนวเปิดรับสัตว์เลี้ยง Exotic รายแรกย้ำแนวคิดการเลี้ยงสัตว์ไม่ใช่ ‘เทรนด์’ แต่คือ ‘ความตั้งใจ’รั้งตำแหน่งเบอร์หนึ่งคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้อนุญาตให้เลี้ยง “สัตว์เลี้ยงทางเลือก”เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทรนด์การเลี้ยงสัตว์ในช่วง 2-3 ปี มีการเปลี่ยนแปลงและเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก โดยจากข้อมูลของ TGM Research พบว่าคนทั่วโลกกว่า 58% นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัว โดยเลี้ยงเพียง 1 ตัว คิดเป็น 46% แต่ที่น่าแปลกใจ คือ ประเทศไทยมีอัตราเลี้ยงสัตว์เลี้ยงสูงกว่าค่าเฉลี่ยเทียบเป็น 73% และนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพียง 1 ตัวต่อครอบครัว เฉลี่ย 45% แต่กลับพบกว่าคนไทยนิยมเลี้ยงสัตว์ 2 ตัวต่อครอบครัวสูงถึง 23% และ 4 ตัวขึ้นไปถึง 24% เห็นได้ชัดว่าประเทศไทยมีสัดส่วนคนเลี้ยงสัตว์ที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับทั่วโลกทั้งในค่านิยมและปริมาณต่อครอบครัว ที่ผ่านมาเราได้ประกาศความตั้งใจที่มุ่งมั่นเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง โดยสร้างมาตรฐานใหม่ MAJOR Pet Family Residences เป็นแบรนด์แรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ได้รับการตอบรับจากลูกบ้าน ทั้งในส่วนของกลุ่มลูกบ้านเลี้ยงสัตว์ และลูกบ้านที่ไม่ได้เลี้ยง ซึ่งพบว่าสัดส่วนของลูกบ้านที่เลี้ยงสัตว์นั้น มีจำนวนที่มากขึ้นกว่าเมื่อปี 2022 เป็น 45% และในจำนวนดังกล่าวเป็นสัตว์เลี้ยงทางเลือก ที่ปรากฏเข้ามา ทางเมเจอร์ฯ จึงได้เล็งเห็นถึงความนิยมที่ขยายตัวของลูกบ้าน สอดคล้องกับเทรนด์การเลือกเลี้ยงสัตว์เลี้ยงทางเลือกของคนไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราจึงพร้อมที่จะขยายขอบเขตครอบครัวเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ สู่ “MAJOR Pet Family Residences : Exotic Pet” โดยนับว่าเราเป็น แบรนด์แรกและครั้งแรกของไทยที่อนุญาตให้เลี้ยง “สัตว์เลี้ยงทางเลือก” ได้อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งขยายขอบเขตการดำเนินการทั้งในส่วนการก่อสร้างโครงการ กิจกรรมลูกบ้าน รวมทั้งการบริการและการดูแลแบบครบวงจร เริ่มต้นในด้านการก่อสร้าง และการดีไซน์ฟังก์ชั่นของห้องชุดและพื้นที่ส่วนกลาง ตัวอย่างโครงการ เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว ที่ออกแบบโดยเน้นเรื่อง Craft & Quality ควบคู่กับฟังก์ชั่น Pet-Friendly ภายใต้การคำนึงถึงคุณภาพชีวิตและสุขลักษณะที่ดีของสัตว์เลี้ยงเป็นสำคัญ โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Multi-Pet Playroom พื้นที่พิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยงทางเลือกที่แยกส่วนอย่างชัดเจน โดยได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ มาร่วมเป็นที่ปรึกษาให้ความรู้ เพื่อให้แบรนด์เข้าใจธรรมชาติของสัตว์เลี้ยงกลุ่มนี้มากขึ้น โดยเราได้เตรียมดีไซน์ฟังก์ชั่น เพื่อรองรับพฤติกรรมต่างๆ ของสัตว์เลี้ยงทางเลือกได้อย่างเหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะนำความสำเร็จของ Multi-Pet Playroom ขยายสู่โครงการอื่นๆ ภายใต้การพัฒนาของแบรนด์ในอนาคตมากยิ่งขึ้น

อ่านต่อ คลิก
MQDC ปรับทัพรับเทรนด์อสังหาฯ ปี 2567 แต่งตั้ง “สุทธา เรืองชัยไพบูลย์” นั่งแท่น CEO

MQDC บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ปรับทัพผู้บริหารใหม่แต่งตั้ง นายสุทธา เรืองชัยไพบูลย์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เน้นย้ำการสร้างรายได้และการส่งมอบโครงการ Flagship “The Forestias”MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ปรับทัพผู้บริหารใหม่แต่งตั้ง นาย สุทธา เรืองชัยไพบูลย์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เน้นย้ำการสร้างรายได้และการส่งมอบโครงการ Flagship “The Forestias” ขณะที่นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ขยับขึ้นเป็นประธานกรรมการบริษัท และประธานกรรมการบริหาร  นายสุทธา เรืองชัยไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC กล่าวว่า ในปี 2567 นี้ MQDC พร้อมเดินหน้าเต็มกำลัง ตั้งเป้ายอดขายและยอดโอนรวม 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันโครงการ Flagship อย่าง ‘อาณาจักรป่ากลางเมือง The Forestias’ โดยรวมมีความคืบหน้าไปกว่า 70% ซึ่งโครงการที่อยู่อาศัยเฟสแรกที่นำโดยแบรนด์คอนโดมิเนียม Whizdom นั้น ขณะนี้เสร็จพร้อมโอนและเข้าอยู่ ได้แก่ วิสซ์ดอม เดอะ ฟอร์เรสเทียส์ มายโทเปีย (Whizdom The Forestias Mytopia) วิสซ์ดอม เดอะ ฟอร์เรสเทียส์ เดสทิเนีย (Whizdom The ForestiasDestinia) ส่วนโครงการที่กำลังใกล้เสร็จสมบูรณ์และพร้อมโอนได้ในปีนี้ ได้แก่ วิสซ์ดอม เดอะ ฟอร์เรสเทียส์ เพทโทเปีย (Whizdom The Forestias Petopia) มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า (Mulberry Grove The Forestias Villas) ซึ่งเป็นคลัสเตอร์โฮม พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ เพื่อการอยู่อาศัยร่วมกันของครอบครัวใหญ่ และ มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ คอนโดมิเนียม (Mulberry Grove The Forestias Condominiums) รวมไปถึงที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยวัย 50+ หรือวัยอิสระ ดิ แอสเพน ทรี เดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Aspen Tree The Forestias) โครงการแบรนด์ระดับ โลกซิกส์เซนส์ (Six Senses) โครงการที่อยู่อาศัยหรูหราสไตล์ รีสอร์ทแห่งแรกของแบรนด์ Six Senses

อ่านต่อ คลิก
MQDC ปรับทัพรับเทรนด์อสังหาฯ ปี 2567 แต่งตั้ง “สุทธา เรืองชัยไพบูลย์” นั่งแท่น CEO

MQDC บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ปรับทัพผู้บริหารใหม่แต่งตั้ง นายสุทธา เรืองชัยไพบูลย์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เน้นย้ำการสร้างรายได้และการส่งมอบโครงการ Flagship “The Forestias”MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ปรับทัพผู้บริหารใหม่แต่งตั้ง นาย สุทธา เรืองชัยไพบูลย์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เน้นย้ำการสร้างรายได้และการส่งมอบโครงการ Flagship “The Forestias” ขณะที่นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ขยับขึ้นเป็นประธานกรรมการบริษัท และประธานกรรมการบริหาร  นายสุทธา เรืองชัยไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC กล่าวว่า ในปี 2567 นี้ MQDC พร้อมเดินหน้าเต็มกำลัง ตั้งเป้ายอดขายและยอดโอนรวม 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันโครงการ Flagship อย่าง ‘อาณาจักรป่ากลางเมือง The Forestias’ โดยรวมมีความคืบหน้าไปกว่า 70% ซึ่งโครงการที่อยู่อาศัยเฟสแรกที่นำโดยแบรนด์คอนโดมิเนียม Whizdom นั้น ขณะนี้เสร็จพร้อมโอนและเข้าอยู่ ได้แก่ วิสซ์ดอม เดอะ ฟอร์เรสเทียส์ มายโทเปีย (Whizdom The Forestias Mytopia) วิสซ์ดอม เดอะ ฟอร์เรสเทียส์ เดสทิเนีย (Whizdom The ForestiasDestinia) ส่วนโครงการที่กำลังใกล้เสร็จสมบูรณ์และพร้อมโอนได้ในปีนี้ ได้แก่ วิสซ์ดอม เดอะ ฟอร์เรสเทียส์ เพทโทเปีย (Whizdom The Forestias Petopia) มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า (Mulberry Grove The Forestias Villas) ซึ่งเป็นคลัสเตอร์โฮม พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ เพื่อการอยู่อาศัยร่วมกันของครอบครัวใหญ่ และ มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ คอนโดมิเนียม (Mulberry Grove The Forestias Condominiums) รวมไปถึงที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยวัย 50+ หรือวัยอิสระ ดิ แอสเพน ทรี เดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Aspen Tree The Forestias) โครงการแบรนด์ระดับ โลกซิกส์เซนส์ (Six Senses) โครงการที่อยู่อาศัยหรูหราสไตล์ รีสอร์ทแห่งแรกของแบรนด์ Six Senses

อ่านต่อ คลิก
10 มิกซ์ยูสระดับโลก พลิกโฉมกทม. จุดหมายปลายทางนักลงทุนข้ามชาติ

JLL ฟันธง 10 มิกซ์ยูสระดับโลก พลิกโฉม กรุงเทพมหานคร (กทม.) จุดหมายปลายทางนักลงทุน และแรงงานมีฝีมือ ของต่างชาติในปี71 สำนักงานเกรด A มากกว่า 900,000 ตารางเมตร ศูนย์การค้า กว่า300,000 ตารางเมตรตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยจะส่งสัญญาณถึงความพร้อมในการปรับตัวอย่างชัดเจนในช่วง 12 เดือนข้างหน้านี้ ผ่านการผลักดันนโยบายภายในประเทศและการสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดในประเทศ เพื่อตอบรับต่อสภาพเศรษฐกิจระดับมหภาคทั่วโลกที่ยังมีความผันผวนในปัจจุบัน สถิติที่สำคัญในปี 2566 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวที่ไม่หยุดนิ่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย รวมถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 66% เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปีในด้านปริมาณการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 152% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาซึ่งเกินกว่าเป้าหมายของรัฐบาล นายไมเคิล แกลนซี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จํากัด (JLL) กล่าวว่า แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่โดดเด่นเสมอมา โดยความมุ่งมั่นของผู้กำหนดนโยบายในการยกระดับกลยุทธ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์เกรด A ในกรุงเทพฯ ให้มีคุณภาพสูง จะกลายเป็นแรงผลักดันสู่การเติบโตที่สำคัญ และยังเป็นสิ่งที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบทั้งจากความผันผวนของเศรษฐกิจระดับมหภาค ต้นทุนที่สูง และปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์อื่น ๆ ตลอดปี 2567 JLL คาดการณ์ว่าปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตหลัก ซึ่งจะส่งอิทธิพลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย จะประกอบด้วย 4 ปัจจัย ดังนี้ ยุคแห่งเมกะโปรเจ็กต์ ในปี 2567 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับอิทธิพลจากการปรับปรุงเชิงกลยุทธ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานและคุณภาพของอสังหาริมทรัพย์เกรด A ในกรุงเทพฯ มากขึ้น โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯกำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่จากโครงการพัฒนามิกซ์ยูสระดับโลกมากถึง 10 โครงการ การพัฒนาโครงการเหล่านี้คาดว่าจะเพิ่มพื้นที่สำนักงานเกรด A มากกว่า 900,000 ตารางเมตร ศูนย์การค้า มากกว่า 300,000 ตารางเมตร คอนโดมิเนียมระดับหรู 5,400 ยูนิต และโรงแรมหรู 5,900 ห้องในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ ภายในปี 2571 ซึ่งการเกิดขึ้นของโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียมเหล่านี้ จะทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุน บริษัทข้ามชาติ (MNCs) และแรงงานทักษะสูงจากต่างประเทศ อาคารเก่ากับความท้าทาย พื้นที่สำนักงานกว่า 60% ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีอายุมากกว่า 20 ปี อุปทานระดับพรีเมียมที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดจึงนับเป็นความท้าทายต่อความสามารถในการแข่งขันของอาคารเก่าเหล่านี้ เจ้าของอาคารสำนักงานที่มีกลยุทธ์ในการลงทุนและมีการบริหารอาคารอย่างสร้างสรรค์ นำมาซึ่งความได้เปรียบทางการแข่งขัน และโดดเด่นกว่าผู้แข่งขันเจ้าอื่นในตลาด ดังนั้นการวางแผนการลงทุนปรับปรุงอาคารเชิงกลยุทธ์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของตลาด จากข้อมูลของ JLL แสดงให้เห็นว่า อาคารสำนักงานเก่าที่มีอายุมากกว่า 10 ปีในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจและได้รับการปรับปรุงอาคารครั้งใหญ่ สามารถรักษาระดับค่าเช่าไว้ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของตลาดได้ ในขณะที่อาคารสำนักงานที่ไม่มีการปรับปรุงและคงสภาพเดิมไว้ ยังคงเห็นการย้ายออกของผู้เช่า รวมถึงการปรับลดค่าเช่าอย่างต่อเนื่องส่วนต่างค่าเช่าของอาคาร ทั้งสองกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้นถึง 8.8% ณ ไตรมาส 4 ปี 2566 แนวโน้มดังกล่าวไม่ได้จำกัดอยู่เพียงตลาดสำนักงานเท่านั้น เนื่องจากกระแส Flight-to-quality และ Flight-to-green ก็เริ่มปรากฏให้เห็นในตลาดศูนย์การค้าและคลังสินค้าโลจิสติกส์มากขึ้น โดยมีศักยภาพในการขยายไปสู่ภาคธุรกิจโรงแรมและที่อยู่อาศัยต่อไป บูรณาการแนวคิด ESG แนวคิด ESG กลายเป็นสิ่งจำเป็นในตลาดสำนักงานในกรุงเทพฯ โดยนักพัฒนาโครงการและนักลงทุนต่างมุ่งมั่นปฏิบัติให้สอดคล้องกับมาตรฐานผ่านการรับรองต่าง ๆ เช่น LEED และ WELL สำหรับบริษัทข้ามชาติซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนอุปสงค์ที่สำคัญของพื้นที่สำนักงานและพื้นที่โลจิสติกส์ มักถูกกำหนดให้ใช้เฉพาะพื้นที่สำนักงานที่ได้รับการรับรองด้าน ESG โดยฐานข้อมูลของ JL Lระบุว่าการเช่าพื้นที่สำนักงานใหม่กว่า 90% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นในอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสามารถเรียกค่าเช่าเฉลี่ยได้สูงกว่าอาคารระดับเดียวกันถึง 14% จึงก่อให้เกิดแรงกดดันมากยิ่งขึ้นต่ออาคารเก่าที่ยังไม่ได้รับรองตามมาตรฐาน ESG การลงทุนจากต่างประเทศพรึ่บ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการลงทุนจากต่างประเทศมีความสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งได้รับแรงหนุนจากเงินทุนที่หลั่งไหลเข้าในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2566 พื้นที่สำนักงานกว่า 65% เป็นการเช่าพื้นที่โดยบริษัทข้ามชาติ นอกจากนี้ชาวต่างชาติตัดสินใจซื้อไม่น้อยกว่า 10% ของจำนวนยูนิตคอนโดมิเนียมที่มีการซื้อขายในกรุงเทพฯ ในปีผ่านมา ในขณะที่ประเทศไทยกำลังพยายามดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง นายรัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบริการที่ปรึกษาและบริหารสินทรัพย์ ด้านโรงแรม บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ จํากัด (JLL) กล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การซื้อขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ที่ดินเปล่า มากกว่า 47% มาจากธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการดึงดูดการลงทุนที่แข็งแกร่งในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและพื้นฐานอันแข็งแกร่งต่อการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเรา โดยหากรูปแบบการครอบครองอสังหาฯ ของชาวต่างชาติในเมืองไทยมีการพัฒนามากขึ้น จะยิ่งเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนต่างชาติในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและบริการมากยิ่งขึ้น นายอนาวิล เจียมประเสริฐ หัวหน้าแผนกบริการงานวิจัยและให้คำปรึกษา บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จํากัด (JLL) กล่าวว่า เมื่อเผชิญกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยไม่เพียงแค่ยังรักษาเสถียรภาพได้เท่านั้นแต่ยังพร้อมพัฒนาต่อยอดในสินทรัพย์หลากหลายประเภทซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านการลงทุนจากต่างประเทศที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตาสำหรับทำเลย่านศูนย์กลางเมือง ของกทม.!!!

อ่านต่อ คลิก
10 มิกซ์ยูสระดับโลก พลิกโฉมกทม. จุดหมายปลายทางนักลงทุนข้ามชาติ

JLL ฟันธง 10 มิกซ์ยูสระดับโลก พลิกโฉม กรุงเทพมหานคร (กทม.) จุดหมายปลายทางนักลงทุน และแรงงานมีฝีมือ ของต่างชาติในปี71 สำนักงานเกรด A มากกว่า 900,000 ตารางเมตร ศูนย์การค้า กว่า300,000 ตารางเมตรตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยจะส่งสัญญาณถึงความพร้อมในการปรับตัวอย่างชัดเจนในช่วง 12 เดือนข้างหน้านี้ ผ่านการผลักดันนโยบายภายในประเทศและการสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดในประเทศ เพื่อตอบรับต่อสภาพเศรษฐกิจระดับมหภาคทั่วโลกที่ยังมีความผันผวนในปัจจุบัน สถิติที่สำคัญในปี 2566 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวที่ไม่หยุดนิ่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย รวมถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 66% เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปีในด้านปริมาณการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 152% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาซึ่งเกินกว่าเป้าหมายของรัฐบาล นายไมเคิล แกลนซี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จํากัด (JLL) กล่าวว่า แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่โดดเด่นเสมอมา โดยความมุ่งมั่นของผู้กำหนดนโยบายในการยกระดับกลยุทธ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์เกรด A ในกรุงเทพฯ ให้มีคุณภาพสูง จะกลายเป็นแรงผลักดันสู่การเติบโตที่สำคัญ และยังเป็นสิ่งที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบทั้งจากความผันผวนของเศรษฐกิจระดับมหภาค ต้นทุนที่สูง และปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์อื่น ๆ ตลอดปี 2567 JLL คาดการณ์ว่าปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตหลัก ซึ่งจะส่งอิทธิพลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย จะประกอบด้วย 4 ปัจจัย ดังนี้ ยุคแห่งเมกะโปรเจ็กต์ ในปี 2567 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับอิทธิพลจากการปรับปรุงเชิงกลยุทธ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานและคุณภาพของอสังหาริมทรัพย์เกรด A ในกรุงเทพฯ มากขึ้น โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯกำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่จากโครงการพัฒนามิกซ์ยูสระดับโลกมากถึง 10 โครงการ การพัฒนาโครงการเหล่านี้คาดว่าจะเพิ่มพื้นที่สำนักงานเกรด A มากกว่า 900,000 ตารางเมตร ศูนย์การค้า มากกว่า 300,000 ตารางเมตร คอนโดมิเนียมระดับหรู 5,400 ยูนิต และโรงแรมหรู 5,900 ห้องในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ ภายในปี 2571 ซึ่งการเกิดขึ้นของโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียมเหล่านี้ จะทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุน บริษัทข้ามชาติ (MNCs) และแรงงานทักษะสูงจากต่างประเทศ อาคารเก่ากับความท้าทาย พื้นที่สำนักงานกว่า 60% ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีอายุมากกว่า 20 ปี อุปทานระดับพรีเมียมที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดจึงนับเป็นความท้าทายต่อความสามารถในการแข่งขันของอาคารเก่าเหล่านี้ เจ้าของอาคารสำนักงานที่มีกลยุทธ์ในการลงทุนและมีการบริหารอาคารอย่างสร้างสรรค์ นำมาซึ่งความได้เปรียบทางการแข่งขัน และโดดเด่นกว่าผู้แข่งขันเจ้าอื่นในตลาด ดังนั้นการวางแผนการลงทุนปรับปรุงอาคารเชิงกลยุทธ์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของตลาด จากข้อมูลของ JLL แสดงให้เห็นว่า อาคารสำนักงานเก่าที่มีอายุมากกว่า 10 ปีในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจและได้รับการปรับปรุงอาคารครั้งใหญ่ สามารถรักษาระดับค่าเช่าไว้ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของตลาดได้ ในขณะที่อาคารสำนักงานที่ไม่มีการปรับปรุงและคงสภาพเดิมไว้ ยังคงเห็นการย้ายออกของผู้เช่า รวมถึงการปรับลดค่าเช่าอย่างต่อเนื่องส่วนต่างค่าเช่าของอาคาร ทั้งสองกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้นถึง 8.8% ณ ไตรมาส 4 ปี 2566 แนวโน้มดังกล่าวไม่ได้จำกัดอยู่เพียงตลาดสำนักงานเท่านั้น เนื่องจากกระแส Flight-to-quality และ Flight-to-green ก็เริ่มปรากฏให้เห็นในตลาดศูนย์การค้าและคลังสินค้าโลจิสติกส์มากขึ้น โดยมีศักยภาพในการขยายไปสู่ภาคธุรกิจโรงแรมและที่อยู่อาศัยต่อไป บูรณาการแนวคิด ESG แนวคิด ESG กลายเป็นสิ่งจำเป็นในตลาดสำนักงานในกรุงเทพฯ โดยนักพัฒนาโครงการและนักลงทุนต่างมุ่งมั่นปฏิบัติให้สอดคล้องกับมาตรฐานผ่านการรับรองต่าง ๆ เช่น LEED และ WELL สำหรับบริษัทข้ามชาติซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนอุปสงค์ที่สำคัญของพื้นที่สำนักงานและพื้นที่โลจิสติกส์ มักถูกกำหนดให้ใช้เฉพาะพื้นที่สำนักงานที่ได้รับการรับรองด้าน ESG โดยฐานข้อมูลของ JL Lระบุว่าการเช่าพื้นที่สำนักงานใหม่กว่า 90% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นในอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสามารถเรียกค่าเช่าเฉลี่ยได้สูงกว่าอาคารระดับเดียวกันถึง 14% จึงก่อให้เกิดแรงกดดันมากยิ่งขึ้นต่ออาคารเก่าที่ยังไม่ได้รับรองตามมาตรฐาน ESG การลงทุนจากต่างประเทศพรึ่บ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการลงทุนจากต่างประเทศมีความสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งได้รับแรงหนุนจากเงินทุนที่หลั่งไหลเข้าในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2566 พื้นที่สำนักงานกว่า 65% เป็นการเช่าพื้นที่โดยบริษัทข้ามชาติ นอกจากนี้ชาวต่างชาติตัดสินใจซื้อไม่น้อยกว่า 10% ของจำนวนยูนิตคอนโดมิเนียมที่มีการซื้อขายในกรุงเทพฯ ในปีผ่านมา ในขณะที่ประเทศไทยกำลังพยายามดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง นายรัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบริการที่ปรึกษาและบริหารสินทรัพย์ ด้านโรงแรม บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ จํากัด (JLL) กล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การซื้อขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ที่ดินเปล่า มากกว่า 47% มาจากธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการดึงดูดการลงทุนที่แข็งแกร่งในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและพื้นฐานอันแข็งแกร่งต่อการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเรา โดยหากรูปแบบการครอบครองอสังหาฯ ของชาวต่างชาติในเมืองไทยมีการพัฒนามากขึ้น จะยิ่งเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนต่างชาติในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและบริการมากยิ่งขึ้น นายอนาวิล เจียมประเสริฐ หัวหน้าแผนกบริการงานวิจัยและให้คำปรึกษา บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จํากัด (JLL) กล่าวว่า เมื่อเผชิญกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยไม่เพียงแค่ยังรักษาเสถียรภาพได้เท่านั้นแต่ยังพร้อมพัฒนาต่อยอดในสินทรัพย์หลากหลายประเภทซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านการลงทุนจากต่างประเทศที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตาสำหรับทำเลย่านศูนย์กลางเมือง ของกทม.!!!

อ่านต่อ คลิก
รองปธ.ศาลปกครองสูงสุด แนะ “คดีแอชตันอโศก” เร่งหาทางออกใน 3 เดือน

“รองประธานศาลปกครองสูงสุด”แนะ คดีถอนใบอนุญาตก่อสร้าง “คอนโดแอชตันอโศก” เหลือเวลา 3 เดือนหาทางออก หากไม่คืบ กทม.อาจต้องสั่งรื้อตึกในส่วนของอาคารที่สูงเกินกว่าความกว้างถนนให้แล้วเสร็จใน 90 วันวันนี้ (6 มี.ค. 67) นายประวิตร บุญเทียม ประธานแผนกคดีละเมิดและความรับผิดอย่างอื่นในชั้นปกครองสูงสุด ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งรองประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวถึงปัญหาการบังคับ “คดีแอชตันอโศก” ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง ว่า คดีนี้ศาลสั่งให้มีการเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างตึกแอชตันอโศก เนื่องจากเห็นว่า เป็นการออกใบอนุญาตโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น การบังคับคดี เป็นเรื่องที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จะต้องไปดำเนินการตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ศาลไม่ได้สั่งว่าจะต้องรื้อ หรือ จะบังคับคดีเป็นอื่นใด “ฉะนั้นอีกประมาณ 3 เดือนต่อจากนี้ จะครบกำหนดตามคำพิพากษา ที่ให้ กทม. บริษัท อนันดา เอฟเอ็ม เอเชีย อโศก จำกัด และ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เร่งแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารภายใน 180 วัน

อ่านต่อ คลิก
รองปธ.ศาลปกครองสูงสุด แนะ “คดีแอชตันอโศก” เร่งหาทางออกใน 3 เดือน

“รองประธานศาลปกครองสูงสุด”แนะ คดีถอนใบอนุญาตก่อสร้าง “คอนโดแอชตันอโศก” เหลือเวลา 3 เดือนหาทางออก หากไม่คืบ กทม.อาจต้องสั่งรื้อตึกในส่วนของอาคารที่สูงเกินกว่าความกว้างถนนให้แล้วเสร็จใน 90 วันวันนี้ (6 มี.ค. 67) นายประวิตร บุญเทียม ประธานแผนกคดีละเมิดและความรับผิดอย่างอื่นในชั้นปกครองสูงสุด ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งรองประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวถึงปัญหาการบังคับ “คดีแอชตันอโศก” ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง ว่า คดีนี้ศาลสั่งให้มีการเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างตึกแอชตันอโศก เนื่องจากเห็นว่า เป็นการออกใบอนุญาตโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น การบังคับคดี เป็นเรื่องที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จะต้องไปดำเนินการตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ศาลไม่ได้สั่งว่าจะต้องรื้อ หรือ จะบังคับคดีเป็นอื่นใด “ฉะนั้นอีกประมาณ 3 เดือนต่อจากนี้ จะครบกำหนดตามคำพิพากษา ที่ให้ กทม. บริษัท อนันดา เอฟเอ็ม เอเชีย อโศก จำกัด และ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เร่งแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารภายใน 180 วัน

อ่านต่อ คลิก

เครื่องมือสำหรับอสังหาฯ (Real Estate Tools)

เช็คราคาประเมินคอนโด

ระบบค้นหารูปแปลงที่ดิน

คำนวณค่าโอนคอนโด

คำนวณเงินผ่อนคอนโด

คำนวณวงเงินกู้สูงสุด

คำนวณผลตอบแทนรายปี

เทียบดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน

คุณสมบัติผู้กู้แต่ละธนาคาร

ทำเลยอดนิยม

ทำเลยอดนิยม



คอนโดยอดนิยม

คอนโดยอดนิยม






คอนโดยอดนิยม

คอนโดยอดนิยม








เช่าคอนโด แนวรถไฟฟ้า

ประกาศขายคอนโด แนวรถไฟฟ้า